Category Archives: ทักษะพัฒนาการ

เขียนบันทึกฝึกพัฒนาการลูก

เขียนบันทึกฝึกพัฒนาการลูก

“เขียนบันทึกฝึกพัฒนาการลูก”

—————-

เข้าหน้าหนาวอย่างไม่เป็นทางการกันแล้วนะคะ วันนี้พี่คิดส์ซี่มีเรื่องราวดีๆ มาเล่าสู่กันฟังเช่นเคย ในด็กวัยที่เริ่มหัดเขียนหนังสือ ทักษะการเขียนของเขาจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นไปตามวัย ยิ่งหากได้ฝึกเขียนโน่นเขียนนี้ทุกวันจนคล่อง จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็กก็ยิ่งกว้างไกล เพราะการเขียนบ่อยๆ ทำให้ได้ฝึกคิดเชื่อมโยง ช่วยพัฒนาสมองและสติปัญญาได้อย่างดี

.

เราลองชวนลูกมาเล่นสนุกเขียนบันทึกประจำวันกันดีกว่า ในตอนแรกเด็กๆ อาจเริ่มต้นง่ายๆ แค่เขียนกิจวัตรประจำวัน เช่น หนูไปโรงเรียน แปรงฟัน กวาดบ้าน เล่นตุ๊กตากับน้อง ฯลฯ พร้อมกับวาดภาพระบายสีประกอบเรื่องราว

.

ต่อมาคุณพ่อคุณแม่อาจกระตุ้นความอยากเขียนของลูกด้วยการกำหนดหัวข้อลงไป เช่น “วันนี้อะไรที่หนูชอบที่สุด” “อะไรที่หนูไม่ชอบเลย” ช่วยทำให้เด็กๆ ได้ระบายความรู้สึกที่ดีและไม่ดีออกมาบนหน้ากระดาษ ฝึกให้ลูกรู้จักสื่อสารความรู้สึกให้ผู้อื่นเข้าใจได้อีกด้วย

.

ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ นอกจากนี้การฝึกเขียนบันทึกยังมีประโยชน์อีกหลายประการ ได้แก่

– ช่วยเรียบเรียงความคิดและฝึกทักษะทางภาษา (พัฒนา IQ)

– ฝึกสมาธิ เข้าใจตัวเอง ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น (พัฒนา EQ)

– ฝึกจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ผ่านการวาดรูปและตัวหนังสือ (พัฒนา CQ)

รู้แบบนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่อย่ารอช้า มาให้ลูกเลือกสมุดบันทึกน่ารักซักเล่ม แล้วเขียนบันทึกกันได้เลยค่ะ

เรียบเรียง : พี่คิดส์ซี่

10 สิ่งควรทำและสอนลูกบนโต๊ะอาหาร

10 สิ่งควรทำและสอนลูกบนโต้ะอาหาร

10 สิ่งควรทำและสอนลูกบนโต๊ะอาหาร

1.  ปิดจอทุกชนิด (โทรทัศน์ มือถือ) ให้ลูกมีสมาธิกับการกิน

2.  นำของเล่นออกจากโต๊ะอาหาร กินคือกิน ไม่ดึงความสนใจลูกไปทางอื่น

3.  ลูกไม่ชอบกินผักบุ้งวันนี้ ไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้จะไม่ชอบ ให้นำเสนอ เชิญชวนบ่อยๆ (ใช้ได้กับอาหารทุกชนิด)

4.  ให้ลูกกินเอง เลอะบ้างไม่เป็นไร แต่ลูกจะได้ฝึกรับผิดชอบตัวเอง

5.  ลูกไม่อยากกินอาหารที่เตรียมไว้ อย่าบังคับ ลูกบอกอิ่มแล้ว ก็อย่าคะยั้นคะยอกินต่อให้หมด ลูกกำลังฝึกควบคุมตัวเอง   

6.  กำหนดเวลากิน ถึงเวลาเก็บคือเก็บ ไม่มีต่อรองใดๆ บอกลูกดีๆ ไม่ดุ ไม่ขู่ แต่เอาจริง

7.  พ่อแม่กินแบบไหน ลูกควรกินแบบนั้น (แต่ปรุงรสไม่จัด) ให้ลูกคุ้นกับการกินง่าย อยู่ง่าย

8.  พ่อแม่เป็นตัวอย่างกินแต่ของมีประโยชน์ ถ้าตัวเองยังกินน้ำอัดลม ฟาสต์ฟู้ด ฯลฯ ห้ามลูกกินลูกก็คงไม่เชื่อ   

9.  พ่อแม่ทำตัวอย่างมารยาทในการกิน ไม่เคี้ยวดัง ไม่กินไปแคะฟันไป ฯลฯ ลูกจะเลียนแบบจากเรา

10.  กินพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก ได้ทั้งอิ่มอร่อยและความสุข

* จะเห็นว่าพ่อแม่มีความสำคัญมาก ทำแบบไหน ลูกก็จะทำแบบเดียวกัน สอนลูกแล้ว ต้องหมั่นเตือนตัวเองด้วย

 

ป๋องแป๋งไม่อยากกิน

ฝึกลูกให้รู้จักรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ผ่านเรื่องราวน่ารักของ “ป๋องแป๋ง” ตัวละครสุดฮิตที่เด็กๆ ชื่นชอบ พร้อมเทคนิคทำให้ลูกชอบกินผักท้ายเล่ม เหมาะสำหรับการเริ่มต้นเรียนรู้ของเด็กเล็ก

ไม่กิน ปิงปิงเล่นก่อน

นิทานภาพคำกลอนเล่มนี้ ฝึกลูกให้มีวินัย รู้จักเวลากิน เวลาเล่น ด้วยกติกาในบ้านที่กำหนดร่วมกัน และพ่อแม่ต้องไม่ย่อหย่อน หากลูกไม่ปฏิบัติตาม

อ้ำ อ้ำ…หม่ำ หม่ำ

หนังสือภาพพร้อมเพลง ปลูกฝังสุขนิสัยที่ดีในการกินอาหารและเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับยานพาหนะที่เด็กชื่นชอบ เช่น รถไฟ ตุ๊กตุ๊ก เครื่องบินผ่านคำคล้องจองที่สามารถร้องเป็นเพลงแสนสนุก ส่งเสริมจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์และทักษะทางภาษาอย่างสมบูรณ์ หนังสือเด็ก 0-6 ปี

6 วิธีสร้างอารมณ์ขันเพิ่มพลังEQ

6 วิธีสร้างอารมณ์ขันเพิ่มพลังEQ

6 วิธีสร้างอารมณ์ขัน เพิ่มพลัง EQ ให้ลูก

มีผลวิจัยเกี่ยวกับอารมณ์ขันในเด็กพบว่า เด็กที่ชอบหัวเราะ ยิ้มแย้ม อารมณ์ดีจะมีแนวโน้มโตขึ้นเป็นคนที่มีระดับ IQ สูง รู้จักแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม และมีความสุข เนื่องจากเซลล์ประสาทสมองของเด็กจะแตกแขนงเชื่อมโยงกัน เก็บบันทึกช่วงเวลาแห่งความสุขเหล่านั้นเป็นความทรงจำลงในจิตใต้สำนึกไว้ตลอดชีวิตนั่นเอง

สำหรับเด็กเล็ก 1-3 ปีปกติเป็นวัยที่หัวเราะง่ายอยู่แล้ว เพียงแค่พ่อแม่ให้ความเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิด กิจวัตรทั่วไปก็สามารถสร้างอารมณ์ขันให้ลูกได้ไม่ยากเลยค่ะ มีอะไรบ้างมาดูกันเลย     

1. ทำหน้าตาแปลกๆ เช่น ทำแก้มป่อง ปากจู๋ ยักคิ้ว จมูกบี้ ฯลฯ เล่นกับลูก หรือให้ลองทำตามแล้วส่องกระจกดูหน้าตัวเอง

2. แปลงเนื้อเพลงใหม่ นำเพลงที่ลูกชอบมาเปลี่ยนเนื้อเพลงให้ตลกขบขัน อาจใส่ชื่อลูกเข้าไปในเนื้อเพลงด้วย เด็กจะชอบมาก

3. ทำท่าทางเลียนแบบตัวการ์ตูนหรือตัวละครที่ลูกชอบ สามารถใช้การพูดล้อเลียนบทสนทนาที่ตัวละครเหล่านั้นชอบพูดด้วยก็ได้

4. เป่าฟองสบู่ ขณะลูกอาบน้ำ ให้ใช้หลอดเป่าน้ำสบู่หรือยาสระผมเป็นฟองลอยไปตามอากาศ เด็กจะสนุกมากที่ได้จับฟองเล่นแล้วแตกโพละ!

5. เล่นจ๊ะเอ๋ เป็นการเล่นที่เด็กวัยนี้โปรดปรานมาก แค่พ่อแม่เอามือปิดหน้าแล้วจ๊ะเอ๋ หรือโผล่หน้าจากที่กันบังมาจ๊ะเอ๋ ก็สามารถทำให้ลูกขำเอิ๊กอ๊ากไม่หยุดแล้ว

6. เล่นปูไต่ สมมุติกับลูกว่ามือพ่อแม่เป็นตัวปูหรือแมงมุมแล้วใช้นิ้วไต่ไปตามตัวลูก หยุดแวะจั๊กจี้ตามพุง ตามฝ่ามือบ้าง รับรองว่าลูกจะหัวเราะไม่หยุดทีเดียว


ความจริงยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่สร้างอารมณ์ขัน เสียงหัวเราะให้กับลูก ซึ่งล้วนแต่ทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย นอกจากจะสร้าง EQ ที่ดีให้ลูกแล้วยังช่วยสานรักผูกพันระหว่างพ่อแม่ลูกได้อย่างดีมากๆ เลยค่ะ

================================================

7 วิธีป้องกันลูกจากการถูกลักพาตัว

7 วิธีป้องกันลูกจากการถูกลักพาตัว

7 วิธีป้องกันลูกจากการถูกลักพาตัว

ข่าวลักพาตัวเด็กยังมีให้เห็นเรื่อยๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ประมาณ ดูแลเจ้าตัวเล็กกันอย่างใกล้ชิด วันนี้พาสมีวิธีรับมือกับภัยใกล้ตัวนี้มาฝากกันค่ะ

1. สอนลูกไม่ให้คุย หรือรับขนมจากคนแปลกหน้า แม้ว่าคนนั้นจะพูดจาดี น่าเชื่อถือก็ตาม บอกลูกว่า อย่าเพิ่งเชื่อหรือไว้ใจเด็ดขาด ควรแจ้งผู้ใหญ่ก่อนเสมอ

2. ซักซ้อมเล่นจำลองสถานการณ์ ว่าหากเกิดเหตุการณ์จริงลูกควรทำอย่างไร เช่น หลงทางในห้างสรรพสินค้าจะทำอย่างไร  อาจขอความช่วยเหลือจากพนักงานห้าง ไม่หลงเชื่อคนแปลกหน้าที่เข้ามาบอกว่าจะพาไปส่งที่บ้าน เป็นต้น

3. ไม่ควรปล่อยลูกอยู่คนเดียวที่บ้าน รวมถึงสถานที่ต่างๆ แม้ว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัย เพราะอาจเกิดอันตรายจากมิจฉาชีพได้ จากผลสำรวจพบว่าสถานที่ที่เด็กถูกลักพาตัวมากที่สุดก็คือ ร้านเกม บริเวณบ้าน และห้างสรรพสินค้าตามลำดับ

4. ให้ลูกจดจำข้อมูลของคุณพ่อคุณแม่ อาจเขียนใส่กระดาษพกติดตัวลูกไว้ เช่น ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ และสอนให้ลูกบอกข้อมูลกับคนที่น่าไว้ใจได้เท่านั้นเมื่อหลงทาง เช่น พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจ

5. หลีกเลี่ยงให้ลูกเดินในที่เปลี่ยว แหล่งเสื่อมโทรมต่างๆ ขึ้นรถแท็กซี่ที่ติดฟิล์มสีเข้มกว่าปกติ รวมถึงสถานที่สาธารณะยามค่ำคืน

6. สอนให้ลูกวิ่งหนีและตะโกนขอความช่วยเหลือทันที เมื่อเกิดเหตุการณ์การณ์ไม่น่าไว้ใจ เช่น “ช่วยหนูด้วย” “ช่วยผมด้วย”

7. สอนให้ลูกมีสติ กรณีที่เป็นเด็กโต ไม่ร้องไห้ ตกใจกลัว และรู้จักป้องกันตัวเบื้องต้นในยามฉุกเฉิน เช่น ขว้างสิ่งของใกล้มือใส่คนร้าย เบี่ยงเบนความสนใจ หรือโจมตีจุดที่อ่อนที่สุดของคนร้าย เช่น ดวงตา จากนั้นให้วิ่งหนีให้เร็วที่สุดเพื่อขอความช่วยเหลือ

 

อย่าไว้ใจนะป๋องแป๋ง

Activity Book ประกอบนิทานแสนสนุก เรียนรู้การดูแลป้องกันตนเองจากภัยถูกล่วงละเมิดทางเพศ สำหรับเด็กปฐมวัย สนุกกับกิจกรรมภายในเล่ม พร้อมสติ๊กเกอร์แสนน่ารัก เสริมทักษะ EF

ปิงปิงถูกหลอก

นิทานภาพคำกลอนเล่มนี้ สอนลูกให้รู้จักป้องกันตนเองจากคนแปลกหน้าที่ไม่หวังดี เช่น ลักพาตัว เรียกค่าไถ่ ล่วงละเมิดทางเพศ เป็นเรื่องจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบัน นิทานก่อนนอน หนังสือสำหรับเด็ก 0-6 ปี

7 วิธีดูแลลูกต้อนรับหน้าฝน

7 วิธีดูแลลูกต้อนรับหน้าฝน

ฝนตกเป็นช่วงที่อากาศมีความชื้นสูง เด็กๆ มักเจ็บป่วยได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการพาเด็กเข้าไปสถานที่แออัดอย่างห้างสรรพสินค้า ตลาดสด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย วิธีเตรียมพร้อมรับมือเมื่อเข้าสู่หน้าฝนทำได้ง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

1. ให้ลูกสวมหมวกเวลาออกจากบ้าน พกร่มและเสื้อกันฝนติดตัวไว้ จะได้ไม่โดนละอองฝน หากเลี่ยงไม่ได้ กลับถึงบ้านให้รีบอาบน้ำ สระผม และทำร่างกายให้อบอุ่น

2. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผักใบเขียวและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม มะละกอสุกเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคหวัด

3. ชวนลูกออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ เช่น ปั่นจักรยาน วิ่ง และกระโดดเชือก

4. ระวังไม่ให้ลูกถูกยุงกัด เพราะในช่วงหน้าฝนยุงลายซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกมักจะวางไข่

5. สวมเสื้อผ้าไม่อับชื้น ดูแลสุขอนามัย ล้างมือ ล้างเท้าให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย

6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ห่มผ้าหนาๆ และใส่ถุงเท้านอน เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น อาจใช้หอมแดงหั่นไว้ที่หัวเตียง ลูกจะได้หายใจโล่งและหลับสบาย

7. ถ้าลูกถูกละอองฝนควรให้กินยากันไว้ก่อน เพื่อป้องกันความเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้น เพราะละอองฝนจะมีเชื้อโรคและไวรัสติดลงมาด้วย สามารถกระจายเข้าในโพรงจมูกได้ง่าย



คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นดูแลร่างกายลูกรักช่วงเปลี่ยนผ่านหน้าร้อนเป็นหน้าฝน ซึ่งอากาศมักเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้เด็กๆ เจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะไข้หวัด ตัวร้อน โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปีเพราะเด็กเล็กยังไม่มีภูมิต้านทานโรคที่สมบูรณ์

สามารถใช้หนังสือนิทานสอนลูกหรือเตรียมพร้อมรับหน้าฝน สั่งซื้อนิทาน ป๋องแป๋ง ชุดรักษ์สุขภาพ

6 ที่เที่ยวสุดเฟี้ยวต้อนรับปิดเทอม

6 ที่เที่ยวสุดเฟี้ยวต้อนรับปิดเทอม

ช่วงเวลาที่เด็กๆ รอคอยมาถึงแล้วค่ะ หลายคนเฝ้ารอช่วงเวลานี้เพราะจะได้เที่ยวและทำกิจกรรมสนุกๆ กับครอบครัว บางคนเข้าค่ายฝึกทักษะกีฬา ศิลปะ ภาษา ดนตรี ตามความสนใจ บางคนท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ๆ วันนี้เรามีสถานที่เที่ยวที่เป็นแหล่งเรียนรู้แสนสนุกมาฝากเด็กๆ มีที่ไหนบ้างลองมาดูกันค่ะ

1. พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น  จ.พระนครศรีอยุธยา แหล่งสะสมของเล่นระดับโลกจำนวนมาก ทั้งของเล่นอายุนับร้อยๆ ปี ไปจนถึงของเล่นยุคปัจจุบัน ทั้งของไทยและต่างประเทศ  รวมถึงของเล่นสังกะสีจำนวนมากซึ่งถือเป็นยุคทองของการเล่น ภายในจัดแบ่งเป็น 2 ส่วน คือด้านนอกอาคาร ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจใต้ต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์ มีร้านอาหารคอยบริการ และส่วนของอาคารพิพิธภัณฑ์หลังใหญ่ 2 ชั้น ชั้นล่างจัดแสดงของเล่นยุคเก่าทั้งตุ๊กตาดินเผา กระปุกออมสิน ข้าวของเครื่องใช้ยุคโบราณ ส่วนชั้นบนรวบรวมโมเดลการ์ตูนขนาดใหญ่อย่างอุลตร้าแมน  ซุปเปอร์แมน  สไปเดอร์แมน  และของเล่นสังกะสีหลากหลายรูปแบบ หากมาในวันหยุดจะได้พบกับกิจกรรมน่าสนใจสำหรับเด็กอย่างชั่วโมงนิทาน  ศิลปะ กิจกรรมสร้างสรรค์  ปลูกฝังความคิดและจินตนาการ  

2. พิพิธภัณฑ์เด็ก  กรุงเทพฯ  นอกอาคารมีทั้งเครื่องเล่นสนามให้ปีนป่าย  ภายในอาคารแบ่งเป็นโซนเด็กโตและเด็กเล็ก สนุกกับกิจกรรมหลากหลาย อาทิ ลานสร้างสรรค์เปิดโลกจินตนาการ  โซนวิทยาศาสตร์ค้นคว้าทดลอง  ห้องปรุงอาหารกับครัวไทยวัยจิ๋ว  โซนนักสืบไดโนเสาร์  ให้เด็กย้อนกลับไปสู่ยุคดึกดำบรรพ์  ในส่วนของเด็กเล็กมีกิจกรรมช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส เช่น ฟังเสียงสิ่งมีชีวิต สนุกกับอาชีพในเมืองจำลองส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออกและเล่นบทบาทสมมุติ

3. พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย  จ.นครปฐม เมื่อเข้ามาภายในห้องจัดแสดง  เด็กจะได้พบกับหุ่นที่สร้างจากไฟเบอร์กลาสที่มีความคงทน ประณีต  งดงามเหมือนคนจริงๆ กว่า 120 ตัว เช่น ห้องพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี ห้องพระอริยสงฆ์ ห้องบุคคลสำคัญของไทย ห้องการละเล่นของเด็กไทย อย่างรีรีข้าวสาร จ้ำจี้มะเขือเปราะ แมงมุมลาย ฯลฯ มาที่นี่นอกจากจะได้รับความรู้แล้วยังได้ชื่นชมฝีมือของคนไทยด้วยค่ะ


4. ลุยโคลนที่คลองโคน  จ.สมุทรสงคราม  หากครอบครัวไหนอยากท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติก็นับว่าที่นี่เหมาะมากค่ะ คุณพ่อคุณแม่สามารถพาเด็กๆ นั่งเรือหางยาวชมนกนานาชนิด ชมพื้นที่ป่าชายเลน ดูต้นโกงกาง ต้นแสม ระหว่างทางจะได้เห็นเจ้าลิงแสมออกมาทักทาย ได้สัมผัสชีวิตชาวประมงอย่างใกล้ชิด ลองถือกระดานเลนหาหอยแครงด้วยตัวเอง ถ้าอยากปลูกป่าชายเลน ทางอบต.คลองโคนก็มีกล้าไม้และอุปกรณ์การปลูกเตรียมไว้ให้  สามารถพักค้างคืนแบบโฮมสเตย์ในราคาประหยัดอีกด้วย


5. ส่องสัตว์ที่เขาดิน สวนสัตว์ใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ บนพื้นที่กว่า 118 ไร่ รวบรวมสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์นานาชนิด มีมุมนั่งพักผ่อนหย่อนใจ มีเรือถีบให้พายเล่นนอกจากจะได้ดูสัตว์หลากหลายสายพันธุ์แล้ว จุดที่ไม่ควรพลาดคือ 7 สิ่งมหัศจรรย์ที่สวนสัตว์เขาดินภูมิใจนำเสนออย่างเก้งเผือก ละมั่งพันธุ์ไทย แพนด้าแดง ค่างห้าสี  หลุมหลบภัยสมัยสงครามโลก ต้นสักอายุร้อยกว่าปี และจุดชมวิวพระที่นั่งอนันตสมาคม ถ้าไม่อยากเดิน จะนั่งรถพ่วงเที่ยวชมก็จ่ายเพียงคนละ 20 บาทเท่านั้นค่ะ


6. ดูดาวที่ท้องฟ้าจำลอง สนุกกับเรื่องราวของดาราศาสตร์และจักรวาล แบ่งเป็น 2 โซน คือ ห้องฉายดาว ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ โดยเพิ่มระบบแสง สี เสียงให้ดูตื่นเต้นเร้าใจ และส่วนนิทรรศการที่สัมพันธ์กับหมู่ดาว ภายนอกยังมีอาคารจัดแสดงปลาหลายสายพันธุ์  อาคารห้องสมุดของการศึกษานอกโรงเรียน  และส่วนจัดแสดงเรื่องภูมิศาสตร์และไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ อีกด้วย


การพาลูกเที่ยวตามแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อย่างหนึ่ง  เปิดประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ๆ แล้วยังสร้างความผูกพันในครอบครัวอีกด้วย ปิดเทอมนี้อย่าลืมพาเจ้าตัวเล็กไปเที่ยวกันนะคะ

5 วิธีป้องกันอาการท้องผูกลูกรัก

5 วิธีป้องกันอาการท้องผูกลูกรัก

5 วิธีป้องกันอาการท้องผูกของลูกรัก

อาการท้องผูกสำหรับเด็กๆ แม้จะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ก็อาจส่งผลถึงการใช้ชีวิตประจำวันได้  เด็กบางคนเวลาปวดท้อง รู้สึกอึดอัด อาจจะไม่มีสมาธิในการเรียน หงุดหงิด โมโห หน้าตาไม่สดชื่นแจ่มใส และเบื่ออาหาร ทางแก้ง่ายๆ ทำได้ดังนี้ค่ะ


1. รับประทานผัก ผลไม้ที่มีกากใยเยอะๆ ในผัก เช่น ผักบุ้ง คะน้า ตำลึง ถั่วงอก ผลไม้ เช่น มะละกอสุก กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล แก้วมังกร ธัญพืช เช่น ถั่วต่างๆ ข้าวกล้อง คุณพ่อคุณแม่อาจทำซุปผักหรือน้ำผลไม้สลับสับเปลี่ยนในมื้ออาหารเพื่อไม่ให้ลูกเบื่อก็ได้ เมื่อลูกได้รับใยอาหารเพียงพอก็จะขับถ่ายคล่องขึ้น


2. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายง่าย


3. ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา ควรเริ่มฝึกตั้งแต่ลูกอายุ 2 ขวบขึ้นไป พ่อแม่อย่าลืมสังเกตว่าลูกมีปัญหาหรือไม่ เช่น บางคนอุจจาระแข็ง บางคนชอบกลั้นอุจจาระ  หากลูกมีปัญหาเหล่านี้ให้หาสาเหตุ  แล้วลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เช่น งดช็อกโกแลต  ขนม ชีส ฯลฯ


4. ออกกำลังกาย โดยให้ลูกนอนหงายแล้วยกขาปั่นจักรยานอากาศเพื่อช่วยให้ลำไส้ และระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น


5. พาลูกพบแพทย์ กรณีเป็นติดต่อกันนานๆ ไม่หายเสียที เพื่อสวนอุจจาระและหาทางแก้ปัญหา


เด็กที่มีอาการท้องผูกมากๆ จะรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ ส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลง ไม่สบายตัว หน้าตาผิวพรรณไม่สดใส เพราะมีของเสียในร่างกายเยอะ ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้  ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหาทางป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นเป็นการดีที่สุดค่ะ

 

ป๋องแป๋งอึไม่ออก

นิทานภาพคำกลอน ฝึกนิสัยลูกในการขับถ่าย รวมถึงการกินผักผลไม้ อาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำให้เพียงพอ อุจจาระจะได้ไม่แข็งและถ่ายลำบาก

5 วิธีแก้ปัญหาลูกถูกเพื่อนแกล้งในโรงเรียน

5 วิธีแก้ปัญหาลูกถูกเพื่อนแกล้งในโรงเรียน

 5 วิธีแก้ปัญหาลูกถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียน

เด็ก ๆ กับการเล่นซนเป็นของคู่กันค่ะ โดยเฉพาะการเล่นสนุกกับเพื่อนที่โรงเรียน แต่บางคนอาจเล่นรุนแรงจนเจ็บตัวกลับมาบ้าน พ่อแม่ทนไม่ได้ ต้องเข้าไปเอาเรื่องคู่กรณี โกรธแทน ซึ่งวิธีดังกล่าวไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง  เราลองมาดูวิธีแก้ปัญหากันค่ะ

1. สอนให้ลูกปกป้องตนเอง ไม่ใช่การตอบโต้รุนแรง แต่ให้รู้จักระวังตัว มีความเชื่อมั่น กล้าบอกความรู้สึกของตนเอง เช่น บอกเพื่อนที่แกล้งว่าเล่นแบบนี้เราไม่ชอบ หรือให้เดินหนี ไปเล่นกับคนอื่น

2. สอนทักษะทางสังคมให้ลูก ว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ เช่น ถ้าลูกเล่นตามกติกาเพื่อนก็อยากเล่นด้วย ถ้าลูกรู้จักแบ่งปัน ให้อภัย ใครๆ ก็อยากเป็นเพื่อนกับลูก ถ้าลูกชอบรังแกคนอื่น ก็ไม่มีใครอยากคบ และสิ่งที่ลูกทำก็จะติดตัวไปจนโต

3. สอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นเสียก่อน พ่อแม่อย่าเพิ่งเชื่อเรื่องที่ลูกเล่ามาทั้งหมด เพราะบางครั้งเด็กอาจไม่พูดความจริงเพราะกลัวถูกดุ พ่อแม่อย่าเพิ่งโมโหหรือเจ็บแค้นแทนลูก แต่ควรตั้งสติ รับฟังและคิดหาทางแก้ปัญหา

4. ปรึกษาครูประจำชั้น แต่ไม่ควรไปทำร้ายคู่กรณีของลูก หรือเข้าไปคุยกับพ่อแม่ของเด็กคนนั้นโดยตรง เพราะจะกลายเป็นเรื่องผู้ใหญ่ทะเลาะกัน อาจจะให้ครูช่วยหาสาเหตุ เช่น ที่บ้านมีปัญหา ถูกทำร้าย หรือขาดความรัก จึงอยากเรียกร้องความสนใจ บางคนอาจจะเคยโดนผู้ใหญ่แกล้งจึงเก็บกด เมื่อไปโรงเรียนจึงแกล้งเพื่อนที่อ่อนแอกว่า

5. สอนลูกให้รู้จักยอมรับและขอโทษ กรณีที่ลูกไปทำร้ายคนอื่นก่อน และอธิบายว่าการแกล้งหรือทำร้ายเพื่อนเกิดผลเสียทั้งต่อตนเองและเพื่อนอย่างไร   

เด็กที่ชอบทำร้ายคนอื่น ถ้าพ่อแม่ไม่ดูแลจะส่งผลให้เด็กมีแนวโน้มกลายเป็นคนเกเรได้ง่าย ส่วนเด็กที่ถูกเพื่อนแกล้งอยู่เสมอก็อาจจะกลายเป็นคนไม่กล้าสู้ปัญหา กลัวทุกสิ่งอย่างหรือเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นตรงกันข้าม เช่น ชอบข่มคนอื่น หรือหาวิธีแก้แค้นเมื่อมีโอกาสก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อลูกเริ่มมีพฤติกรรมไม่น่ารักเช่นนี้ พ่อแม่ต้องรีบเข้ามาดูแลใกล้ชิดทันที จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ง่ายขึ้น

ปิงปิง ชุด Stop bullying

การถูกกลั่นแกล้ง รังแก (Bully) ในเด็กเล็ก เป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรเข้าไปดูแลช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย หรือการใช้คำพูดทำร้ายความรู้สึก เพราะจะส่งผลต่อพัฒนาการที่ถดถอย บางครั้งก็มาจากผู้ใหญ่ ใกล้ตัวเด็ก ที่ชอบล้อชอบแกล้งด้วยเอ็นดู แต่หารู้ไม่ว่า พฤติกรรมเหล่านี้ อาจกระทบจิตใจเด็ก นิทานภาพคำกลอนชุดนี้ ช่วยสอนวิธีป้องกัน เตรียมความคิดและ เคารพสิทธิ์ระหว่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่พ่อแม่ควรปลูกฝังตั้งแต่ลูกยังเล็กในชุดมี 4 เล่ม

ป๋องแป๋งแกล้งเพื่อน

นิทานภาพคำกลอน  ช่วยในการปรับพฤติกรรมลูกที่ก้าวร้าวชอบใช้ความรุนแรง ให้รู้จักการควบคุมอารมณ์ตนเอง รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยหลีกเลี่ยงการลงโทษที่รุนแรง

5 เทคนิคเตรียมลูกสอบเข้าสาธิต

5 เทคนิคเตรียมลูกสอบเข้าสาธิต

ผู้ปกครองส่วนใหญ่คาดหวังให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนดีๆ  มีชื่อเสียง และโรงเรียนสาธิต คือเป้าหมายหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกได้เข้าเรียน จึงทำให้สนามสอบโรงเรียนสาธิตมีการแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้นทุกปี เพราะคู่แข่งเก่งๆ มีจำนวนมาก เด็กที่มีความรู้และความพร้อมมากกว่าคนอื่นย่อมได้เปรียบ การเตรียมตัวลูกให้พร้อมจึงสำคัญมาก คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกได้ดังนี้ค่ะ      

1. ชวนลูกฝึกทำแบบฝึกหัดบ่อยๆ  เพื่อสร้างความคุ้นเคย พ่อแม่มีส่วนอย่างมากกับการเตรียมตัวลูก แต่อย่าฝืนจนลูกรู้สึกไม่สนุกและไม่อยากทำ ควรแบ่งเวลาให้เหมาะสม เช่น วันธรรมดาหลังเลิกเรียน วันหยุดในช่วงเช้า เริ่มจาก 15 นาทีก่อน แล้วจึงเพิ่มเวลามากขึ้นตามสมาธิของเด็ก  อย่าประมาท เรื่องที่เคยสอนแล้ว ต้องหมั่นนำมาทบทวนเสมอ

2. ศึกษาแนวข้อสอบของปีที่ผ่านมา  สามารถหาจากเว็บไซต์หรือหนังสือแบบฝึกหัดที่มีพิมพ์จำหน่าย

3. ชวนลูกเข้าร้านหนังสือ ให้เขาเลือกหนังสือที่ชอบด้วยตัวเอง เพื่อสร้างพื้นฐานเรื่องการอ่านและการฟังอย่างเป็นระบบ

4. เตรียมร่างกายให้แข็งแรง  ดูแลเรื่องอาหารการกิน และการพักผ่อนให้เพียงพอ      

5. สร้างทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้  ชมเมื่อลูกทำได้และให้กำลังใจยามลูกยังทำโจทย์ที่ยากยังไม่ได้  

สุดท้ายไม่ว่าผลสอบจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ไม่ใช่สิ่งตัดสินชี้วัดอนาคตทั้งหมดของลูกได้  พ่อแม่ควรสร้างความมั่นใจให้ลูกรู้สึกสบายใจ ไม่กดดันว่า เมื่อลูกตั้งใจทำอย่างเต็มที่นั่นคือสิ่งที่พ่อแม่ภูมิใจที่สุดแล้วแม้จะสอบไม่ผ่านก็ตาม และเป็นโอกาสทำให้ลูกได้ทบทวนความรู้อีกด้วย

 

ป๋องแป๋ง ชุดฝึกเชาวน์

Activity Books นิทานเด็กอนุบาลชุดนี้ ฝึกความพร้อมก่อนเข้าโรงเรียน พัฒนาทักษะความคิดและเชาว์ปัญญา พร้อมกิจกรรมท้าทายสมองหลากหลายรูปแบบ นิทานพัฒนา IQ และทักษะEF

วิธีฝึกลูกขับถ่ายง่ายๆ

วิธีฝึกลูกขับถ่ายง่ายๆ

หนึ่งในเรื่องสำคัญที่สุดของลูกวัยก่อน 3 ขวบ คือ “ขับถ่ายเองได้” การฝึกลูกนั่งกระโถนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอันดับต้นๆในการสอนลูกวัยนี้ มาดูวิธีง่ายๆ แบบคุณแม่มืออาชีพกันค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง

1. บอกลูกว่า “ถ้ารู้สึกมีอะไรตุงๆ ที่ก้นให้บอกแม่ทันทีนะจ๊ะ”

2. พาลูกไปนั่งเล่นบนกระโถนให้คุ้นหรือนั่งฟังนิทานไปด้วยก็ได้

3. สังเกตว่าลูกมักจะอึเมื่อไหร่

4. เมื่อถึงเวลาก็พาไปนั่งเล่นบนกระโถน

5. ช่วยลูกถอดกางเกง เด็กวัยนี้อาจยังถอดเองไม่เป็น

6. ทำเช่นนี้ทุกวันจนเป็นกิจวัตร

7. ให้ชมลูกทุกครั้งที่นั่งบนกระโถนเป็น จะช่วยให้ลูกมีกำลังใจ อยากทำอีกเรื่อยๆ

 

หากลูกสามารถขับถ่ายเองได้ถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญของเด็กวัยก่อนเข้าเรียน การฝึกให้ลูกคุ้นเคยกับการใช้ห้องน้ำและนั่งกระโถนเป็นประจำจึงเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจ

นอกจากวิธีการฝึกลูกนั่งกระโถนที่กล่าวมาแล้ว การเล่านิทานให้ลูกฟังขณะนั่งกระโถนก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับการนั่งกระโถนมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกนิทานที่มีเนื้อหาสนุกสนาน เหมาะสมกับวัย และใช้เวลาในการเล่าไม่นานจนเกินไป

การเล่านิทานจะช่วยให้ลูกนั่งกระโถนนานขึ้นโดยไม่รู้สึกเบื่อหรืออยากลุกหนีไปทำกิจกรรมอย่างอื่น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมทักษะการฟัง จินตนาการ และพัฒนาการทางภาษาของลูกไปในตัวด้วย

นิทานที่เหมาะสำหรับเด็กวัยนี้ อาจเป็นเรื่องราวของตัวการ์ตูนที่ลูกชื่นชอบ นิทานคลาสสิกสอนใจสั้นๆ หรือแม้แต่เรื่องราวชีวิตประจำวัน เช่น กิจวัตรต่างๆ ของลูกเอง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ลูกสนุกแล้ว ยังทำให้ลูกมองเห็นตัวเองในนิทาน เข้าใจและซึมซับสิ่งดีๆ จากนิทานไปพร้อมกันด้วย

นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจใช้นิทานเสริมในการอธิบายให้ลูกเข้าใจเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการขับถ่าย เช่น ทำไมเราต้องนั่งกระโถน ทำไมต้องราดน้ำทุกครั้งหลังใช้ ฯลฯ โดยใช้ภาษาง่ายๆ เข้าใจได้ เพื่อให้ลูกรู้สึกคุ้นเคย และเรียนรู้วิธีการใช้ห้องน้ำอย่างถูกวิธีผ่านนิทานโดยไม่รู้ตัว

การฝึกลูกนั่งกระโถนและการอ่านนิทานควรเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน เป็นธรรมชาติ ไม่ควรบังคับหรือกดดันลูกจนเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกเกิดความเครียดและไม่อยากเข้าห้องน้ำในที่สุด การให้กำลังใจ ชมเชย และความเข้าใจของคุณพ่อคุณแม่จะช่วยให้ลูกมั่นใจและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น จนเป็นเด็กที่สามารถเข้าห้องน้ำได้เองอย่างคล่องแคล่วในที่สุดค่ะ




อุ๊ยอึ๊โอโฮ
หนังสือภาพพร้อมเพลง ปลูกฝังสุขนิสัยที่ดีในการขับถ่ายและการใช้กระโถน การเบ่ง ส่งเสริมทักษะทางภาษา ผ่านคำคล้องจองที่สามารถร้องเป็นเพลงแสนสนุก หนังสือเด็ก 0-6 ปี

ป๋องแป๋งอึไม่ออก
นิทานภาพคำกลอน ฝึกนิสัยลูกในการขับถ่าย รวมถึงการกินผักผลไม้ อาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำให้เพียงพอ อุจจาระจะได้ไม่แข็งและถ่ายลำบาก